เทรนด์แต่งบ้าน ปี 2022

เทรนด์การตกแต่งบ้านหรือเทรนด์แบบบ้านในปี 2022 ได้รับอิทธิพลมาจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปในปี 2021 นั่นเองครับ เนื่องจากใน 2 ปีที่ผ่านมาได้เกิดวิกฤตไวรัสโคโรนา ทำให้ทุกคนใช้ชีวิตอยู่บ้านกันมากขึ้น ผู้คนจึงให้ความสำคัญกับบรรยากาศ ความสวยงามและความสะดวกสบายภายในบ้านมากยิ่งขึ้น มาลองดูกันครับ ว่าเทรนด์การแต่งบ้านในปี 2022 นี้ จะเป็นอย่างไรบ้าง Nature Comes Indoors /Japandi Style /Sustainable Design ขอพูดถึงโดยรวมเลยละกันครับ กับการแต่งบ้าน 3 สไตล์นี้ เพราะมีส่วนที่คล้ายกันอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการนำเอาความเป็นธรรมชาติเข้ามาไว้ในบ้านมากยิ่งขึ้น อย่างของตกแต่ง ประดับด้วยต้นไม้ ดอกไม้ เฟอร์นิเจอร์จากธรรมชาติ เน้นการอยู่ร่วมกับธรรมชาติให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ฮิตกันมากในปีที่ผ่านมาและคาดว่าในปี 2022 ก็ยังคงอยู่ เพราะทุกคนอยากอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติให้ได้มากที่สุด Monochrome การตกแต่งแบบ Monochrome คือการตกแต่งโดยการใช้สีเดียวแต่ไล่เฉดความเข้มอ่อน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะใช้สีโทน ดำ เทาและขาว เพราะเป็นสีเรียบง่าย มีสไตล์และตกแต่งง่าย หากใครอยากลองเปลี่ยนมาใช้สีโมโนโครม เริ่มได้ง่าย ๆ ด้วยการเปลี่ยนสีผนังให้เป็นสีดำเลือกใช้สีเฟอร์นิเจอร์ในเฉดที่อ่อนกว่าอย่างสีเทา หรือจะลองหาภาพพิมพ์ ของตกแต่งที่มีลวดลายสีขาวดำมาเพิ่มลูกเล่นให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น Maximalism สไตล์ … Read more

5 ทรงหลังคายอดนิยม ที่คนอยากมีบ้านต้องรู้

คิ้วเป็นมงกุฎของหน้า หลังคาเป็นมงกุฎของบ้าน ฉะนั้นเราต้องพิถีพิถันเลือกมงกุฎนี้ให้ดีเลยครับ นอกจากจะดูที่ความสวยงามแล้ว ยังต้องดูไปถึงความเหมาะสมและข้อดีข้อเสียของหลังคาแต่ละทรงด้วย วันนี้ ALVIS ขอยกตัวอย่าง 5 ทรงหลังคายอดนิยมในประเทศไทยมาฝากกันครับ 1.หลังคาจั่ว (Gable Roof) เป็นหลังคาที่ด้านซ้ายและด้านขวาเอียงมาบรรจบกันที่สันตรงกลางบนสุด เรียกได้ว่าเป็นหลังคาที่เหมาะกับประเทศไทยมากเพราะสามารถกันแดดกันฝน และระบายความร้อนได้ดี นอกจากนี้หลังคาชนิดนี้ยังลดการรั่วซึมของน้ำ จากโครงสร้างที่มีมุมจั่วและความลาดเอียงที่มากเป็นพิเศษ แต่ข้อที่ควรระวังเป็นพิเศษคือฝนสามารถสาดเข้าใต้หลังคาได้ หากหันตัวบ้านและหันจั่วผิดทิศ 2.หลังคาปั้นหยา (Hip Roof) เป็นหลังคาที่ได้รับความนิยมมากในประเทศญี่ปุ่น เกาหลีและไทยด้วยครับ เนื่องจากหลังคามีความลาดเอียงทั้งสี่ด้านขึ้นไปชนกันที่ปลายด้านบน สามารถกันแดดกันฝนได้ทุกด้าน ทนต่อแรงลมได้ดีและมีความสวยงามมาก ซึ่งมีข้อควรระวังคือการระบายอากาศไม่ดีนัก แต่สามารถแก้ไขได้โดยการติดฝ้าชายคาที่มีร่องระบายอากาศครับ 3.หลังคาเพิงหมาแหงน (Lean-to Roof) ลักษณะหลังคาที่เรียบลาดเอียงเพียงด้านเดียว ปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากดูเรียบง่ายเข้ากับบ้านสไตล์โมเดิร์น ทั้งยังก่อสร้างง่ายและรวดเร็วด้วย แต่ข้อเสียคือสามารถบังแดดและฝนได้ทิศทางเดียว รวมถึงอาจเกิดการรั่วซึมได้ง่าย อย่างไรก็ตามสามารถทำระแนงหรือกันสาดเพิ่มเติมในฝั่งหลังคาด้านที่สูงกว่าได้ครับ 4.หลังคาเรียบ (Flat Slab Roof) มักเป็นหลังคาคอนกรีต มีลักษณะขนานกับพื้นหรือระนาบเดียวกับพื้น โดยจะมีการลาดเอียงเล็กน้อยไปทางใดทางหนึ่ง แต่หลังคาประเภทนี้จะดูดซับความร้อนและน้ำฝนโดยตรงทำให้ระบายน้ำฝนได้ช้า แต่สามารถแก้ปัญหาได้ตั้งแต่การออกแบบระบายน้ำตั้งแต่ตอนเริ่มสร้างหลังคา นิยมประยุกต์ใช้กับบ้านสไตล์โมเดิร์น เนื่องจากมีความเรียบง่ายแต่ทันสมัยไม่ตกยุค เน้นโชว์ความเด่นของตัวบ้าน 5.หลังคารูปทรงอิสระ (Free Form Roof) … Read more

มาลองทาสีห้องตามหลักวิทยาศาสตร์กันดูไหม?

สีของบ้าน รวมถึงสีของห้องต่าง ๆ ภายในบ้าน มักเลือกจากสีที่เจ้าของบ้านหรือเจ้าของห้องนั้น ๆ ชอบมากกว่าหลักการและเหตุผลอื่น ๆ แต่วันนี้เราลองมาดูกันครับ ว่าถ้าหากเราเปลี่ยนมาทาสีห้องต่าง ๆ ตามหลักวิทยาศาสตร์ ห้องแต่ละห้องของบ้านจะมีสีเป็นอย่างไร ห้องรับแขก ตามหลักวิทยาศาสตร์ ควรทาสีชมพูอ่อน จากงานวิจัยต่าง ๆ พบว่าการใช้สีชมพูอ่อนเป็นสีที่ทำให้เกิดความจรรโลงใจและเงียบสงบเป็นอย่างมาก เมื่อนำมาอยู่ในห้องรับแขกซึ่งเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างวุ่นวาย จะทำให้ผู้มาเยือนรวมถึงผู้อาศัยที่นั่งอยู่บริเวณนี้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ห้องครัว ตามหลักวิทยาศาสตร์ ควรทาสีเหลืองอบอุ่น เนื่องจากสีเหลืองเป็นสีที่กระตุ้นให้เกิดความอยากอาหารมากขึ้นนั่นเอง การทำครัวหรือการรับประทานอาหารในห้องครัวสีเหลืองอบอุ่นแบบนี้ จะยิ่งทำให้ได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความกระตือรือร้นและแรงบันดาลใจในยามเช้าได้เป็นอย่างดีด้วยครับ ห้องนอน ตามหลักวิทยาศาสตร์ ควรทาสีน้ำเงินเข้ม ห้องนอนควรจะให้ความรู้สึกสงบและดื่มด่ำ ซึ่งตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว สีน้ำเงินเข้มจะให้ความรู้สึกนั้นได้ดีที่สุด แต่ถ้าหากทาสีน้ำเงินเข้มหมดทั้งห้องนอนก็อาจจะทำให้ห้องทึบจนเกินไป ควรเพิ่มสีฟ้าหรือสีน้ำเงินเข้ามาบ้าง จะทำให้ห้องดูดีและน่านอนมากยิ่งขึ้นครับ ห้องนอนเด็ก ตามหลักวิทยาศาสตร์ ควรทาสีเขียวพาสเทล ห้องนอนเด็ก ส่วนใหญ่คุณพ่อคุณแม่ก็จะนึกถึงสีชมพูหรือฟ้า แล้วแต่ว่าเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชาย แต่ในทางวิทยาศาสตร์ ห้องนอนเด็กควรเป็นสีเขียว เนื่องจากสีเขียวเป็นสีที่แสดงถึงความสงบ สดชื่นและเป็นธรรมชาติ จะช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องให้เหมือนกับฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเฉดสีนี้เป็นสีที่เหมาะกับห้องนอนเด็กมากที่สุด ห้องทำงานหรือโฮมออฟฟิศ ตามหลักวิทยาศาสตร์ ควรทาสีส้มสดใส จากงานวิจัยพบว่าสีส้ม เป็นสีที่ให้ความรู้สึกสดใส ร่าเริง … Read more

เรื่องที่คนมีบ้านควรรู้! สีครุฑบนโฉนดที่ดินมีความหมายอะไรบ้าง?

รู้มั้ยครับว่า โฉนดที่ดินในประเทศไทยนั้นมีอยู่หลายประเภท ทั้งที่สามารถซื้อขายได้และซื้อขายไม่ได้ สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ รวมถึงเป็นเพียงหนังสือแสดงสิทธิ์การทำกินหรือทำประโยชน์ในที่นั้นซึ่งไม่ใช่กรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้น ซึ่งโฉนดที่ดินจะใช้สีของครุฑในเอกสารเพื่อแบ่งแยกประเภทของที่ดิน วันนี้ ALVIS ขอนำสาระความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับความหมายของสีครุฑทั้ง 3 สี ประกอบด้วย สีแดง, สีเขียวและสีดำ บนโฉนดที่ดินมาบอกกัน รับรองว่ารู้แล้วจะเป็นประโยชน์กับคุณแน่นอนครับ ถึงแม้ว่า โฉนดที่ดินจะเป็นเอกสารที่ไม่ได้นำมาใช้งานบ่อย ๆ แต่เจ้าของบ้านหรือผู้ถือกรรมสิทธิ์ควรทำการศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ไว้ให้ถูกต้อง ในกรณีที่ต้องใช้งานจะได้เข้าใจและใช้อย่างถูกต้องที่สุดครับ ครุฑแดง โฉนดที่ดินครุฑแดง เป็นเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ที่ชัดเจนที่สุด สามารถซื้อขายได้ โอนได้ถูกต้องตามกฎหมาย โฉนดที่ดินที่มีครอบครองส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดก็เป็นครุฑแดงตัวนี้ โดยเฉพาะที่ดินที่อยู่ในตัวเมืองและพื้นที่ที่อนุญาตให้ออกโฉนดครับ ครุฑเขียว โฉนดที่ดินครุฑเขียว คือ “หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ” ประเภท น.ส.3 ก. ซึ่งออกในท้องที่ที่มีการระวางรูปถ่ายทางอากาศ เป็นเอกสารที่ไม่ใช่ “โฉนดที่ดิน” ใช้สำหรับเป็นหนังสือคำรับรองจากพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าเราได้ทำประโยชน์ในที่ดินนั้น ๆ ซึ่งได้มีการระวางรูปถ่ายทางอากาศเป็นหลักแหล่ง คุณสมบัติของโฉนดที่ดินครุฑเขียวใกล้เคียงกับโฉนดครุฑแดง สามารถซื้อขาย จำนองธนาคารได้ รวมถึงสามารถเปลี่ยนเป็นโฉนดที่ดินได้ในอนาคต ครุฑดำ โฉนดที่ดินครุฑดำ คือ “หนังสือรับรองการทำประโยชน์” ประเภท … Read more

5 สัญญาณเตือนภัยจากรอยร้าว เสี่ยงบ้านพัง!

ปัญหาการร้าวตามจุดต่าง ๆ ของบ้าน เป็นสิ่งที่คนรักบ้านไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่งครับ เพราะรอยร้าวเพียงเล็ก ๆ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาบางอย่างที่ซ่อนอยู่ก็เป็นได้ หากไม่รีบหาสาเหตุและปล่อยให้รอยร้าวเกิดมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจจะทำให้บ้านของคุณเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นได้ วันนี้เราจึงพาคุณมาเช็ก 5 สัญญาณเตือนภัยจากรอยร้าวที่คุณไม่ควรมองข้ามครับ รอยร้าวแนวดิ่ง ที่ปรากฏบนผนัง ลักษณะรอยร้าวแนวดิ่ง ไม่ว่าจะร้าวจากพื้นไปหาเพดานหรือจากเพดานไปหาพื้นก็ตาม มักมีสาเหตุมาจาก การรองรับน้ำหนักที่มากเกินไป จนพื้นเกิดการแอ่นตัวเป็นรูปตัวยู (U) จากการที่คานที่อยู่เหนือพื้นรับน้ำหนักไม่ไหว จึงเกิดเป็นรอยร้าวเช่นนี้ หากพบเห็นรอยร้าวลักษณะนี้ ควรเข้าไปตรวจสอบและเคลื่อนย้ายสิ่งของที่มีน้ำหนักมากออกจากพื้นที่ครับ รอยร้าวบนเสา รอยร้าวบนเสาก็เป็นอีกสัญญาณที่ต้องสังเกตและต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ซึ่งรอยร้าวบนเสานั้นมีหลายรูปแบบ เช่น • รอยร้าวแตกลึกที่เสา เกิดได้จากเสามีการรับน้ำหนักมากเกินไป จึงทำให้โครงสร้างของอาคารในแต่ละส่วนแยกออกจากกัน เสาและคานไม่เชื่อมกัน จนเกิดเป็นรอยร้าวแตกลึก • รอยร้าวแบบข้อปล้อง คือรอยร้าวเป็นชั้น ๆ แนวนอน เกิดจากการทรุดตัวของฐานราก ทำให้เสาบางต้นมีความสูงไม่เท่ากับเสาต้นอื่น ๆ เสาจึงเกิดการแอ่นตัวและเกิดรอยร้าวขึ้น รอยร้าวชนิดนี้แสดงถึงความไม่มั่นคงของเสาและฐานราก เป็นอีกหนึ่งรอยร้าวที่อาจจะทำให้บ้านถล่มได้ • รอยร้าวแนวเฉียง 45 องศา เป็นสัญญาณรอยร้าวของเสาที่อันตรายที่สุด เพราะเกิดจากโครงสร้างของอาคารรับน้ำหนักไม่ไหวและกำลังจะฉีกแยกออกจากกัน จึงเกิดเป็นรอยร้าวแนวนอนบริเวณต้นเสาและโคนเสา รอยร้าวกลางเพดาน รอยร้าวกลางเพดานที่เป็นรอยกากบาทเข้าหาเสาทั้ง … Read more

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save